เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าจริงๆแล้ว การตรวจเลือดเป็นสิ่งที่ทุกๆคนควรทำ ต่อให้คนๆนั้นไม่ได้ออนยา อย่างน้อยๆก็ควรจะ 1 ครั้ง / ปี
( ตรวจสุขภาพประจำปี )
พอเราเป็นคนที่ออนยา ในบางคนก็จะมีความกังวล และ ไปตรวจเลือด
ประเด็นมันอยู่ที่ว่า หลังจากที่คุณ เห็นค่าเลือดแล้ว แก้เป็นไหม ?
ในหลายๆครั้งผมเห็นคนที่ออนยา และไปตรวจเลือด พอผลที่ออกมา มันสูงเกินเกณฑ์มาตราฐาน ก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก หยุดยาหมดเลย เพื่อที่จะให้ค่าที่เกิน กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ซึ่งการทำแบบนั้น มันจะส่งผลกระทบกับฮอร์โมนในร่างกายเรา เพราะเราหยุดปักไปดื้อๆ
สิ่งที่เราควรทำคือ แก้ไปตามหน้างาน การที่เราจะทำให้ค่าเลือด อยู่ในเกณฑ์ได้ทั้งหมด ตลอดเวลา ต้องบอกเลยว่ายาก
ลำพังคนไม่ใช้ยา ไปตรวจสุขภาพประจำปี ยังเกินเลย ทั้งไขมัน ค่าตับ ไต
และการตรวจเราควรรู้ว่า เราตรวจตัวนั้นเพื่ออะไร ต้องมีเหตุผล เพื่อที่จะนำมามอนิเตอร์ต่อ
หลายคนพอออนยา ที่เป็นยาเม็ด แล้วค่าตับสูง ก็ตื่นตระหนก คิดว่าเป็นตับอักเสบ แต่จริงๆแล้ว เรากินยาเม็ดเข้าไป ค่าตับขึ้นมันก็ถูกต้องแล้วครับ ถ้าไม่ขึ้นแสดงว่ายาที่กินผิดปกติ
ค่าพวกนี้มันเกินได้ และเราก็ควรรู้ว่า มันเกินได้สูงสุดเท่าไร ถ้ามากไปกว่านี้ เราถึงจะหยุด
เราจะไปเปรียบเทียบค่ามาตราฐานของคนทั่วไปไม่ได้ เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้ ออนยา
แต่เราออนยา ค่าของเรามันต้องยกขึ้นถูกแล้ว แค่เราวางแผน และต้องรู้ว่าค่าตัวนี้เกิน เกินไปได้เท่าไร อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ไหม
ไม่ใช่ว่า ค่าตับ ในเกณฑ์ไม่ให้เกิน 40 แต่ของเรา 45 = ตับอักเสบ หยุดยาทันที
ถ้าแบบนี้ กินเหล้า ค่าตับวิ่งไป 60 ก็ต้องหยุดกินนะครับ แต่ผมเห็น นั่งกรอกเหล้าช่วงปีใหม่ 7 วันติด ไร้ซึ่งกว่ากังวลใดๆ
แต่พอออนยาเกินมานิดน้อย จับท้องตัวเอง และบอกรู้สึกปวดท้องทันที
หลังอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อยากให้ทำความเข้าใจใหม่ ไม่ตื่นตระหนก และค่อยๆแก้ไขไป การหยุดยาไปเลย ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดเสมอไป แต่มันคือการที่เราใช้ยา และ มอนิเตอร์อยู่ไปกับมันได้